จังหวัดนนทบุรี

จังหวัดนนทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489

ปัจจุบัน จังหวัดนนทบุรีจัดเป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีขนาดเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 75 ของประเทศ (รวมกรุงเทพมหานคร) แต่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร

10 สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนนทบุรี



1. เกาะเกร็ด
"เกาะเกร็ด" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในจังหวัดนนทบุรี รู้จักกันดีในฐานะแหล่งชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และประเพณีวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการจุดลูกหนู งานตักบาตรทางน้ำ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลายปีให้หลังมานี่ การท่องเที่ยวเกาะเกร็ดดูเหมือนจะเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปกติถ้าไปเที่ยวในวันเสาร์ – อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ บนเกาะจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ร้านค้า ร้านอาหารก็ดูจะคึกคักสุดๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวบนเกาะเกร็ด ก็จะมีทั้งมาเดินเที่ยว ช้อปปิ้ง หาของอร่อยๆ กิน บ้างก็เลือกนั่งเรือชมรอบเกาะ ทำเอาเพลิดเพลินใจไปอีกแบบ ทั้งนี้ เกาะเกร็ดจะเปิดเวลาประมาณ 9.00 - 17.30 น.

การเดินทางมาเกาะเกร็ด
1. รถยนต์ – ให้ขับมาทางห้าแยกปากเกร็ด พอผ่านไฟแดง 4 แยกปากเกร็ดแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายแรก ก่อนถึงโรงหนังเมเจอร์ฮอลลีวูด ไปตามถนนภูมิเวท ตรงไปจนเกือบสุดทาง เลี้ยวขวา จอดรถ 2 ที่ คือในวัดสนามเหนือ (ค่าจอดรถคันละ 30 บาท) นั่งเรือข้ามฟากจะไปขึ้นเกาะตรงวัดปรมัยยิกาวาส จากตรงนี้สามารถเดินเที่ยวได้เลย เป็นจุดคึกคักมีของขาย หรือจะไปจอดที่วัดกลางเกร็ด ก็ได้ (ค่าจอดรถบางทีก็เก็บบางทีก็ไม่เก็บ) นั่งเรือข้ามฟากไปขั้นเกาะที่วัดป่าฝ้าย จากจุดนี้จะเดินเท้า หรือเช่าจักรยานวนรอบเกาะก็ได้ค่ะ ค่าเรือข้ามฟาก คนละ 2 บาทเท่านั้น เรือลำใหญ่พอสมควร

2. ทางเรือ – ขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยาออกจากท่าวัดราชสิงขร ลงที่ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี ค่าโดยสารคนละ 20 บาท จากนั้นเช่าเหมาเรือหางยาวที่ท่าน้ำนนทบุรีไปที่เกาะเกร็ด หรือนั่งรถประจำทางจากท่าน้ำนนฯ ไปปากเกร็ดแล้วลงเรือที่วัดสนามเหนือ หรือวัดกลางเกร็ด

2. วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ. นนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาวนนทบุรีอายุกว่า 100 ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 3 (พ.ศ.2367-2394) โปรดเกล้าฯ สร้างขึ้นก่อนเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ.2390 ณ บริเวณนิวาสสถานเดิมของพระอัยกา (ตา) พระอัยกี (ยาย) และสมเด็จพระศรีสุลาลัยพระบรมราชชนนี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่ทั้ง 3 พระองค์ และพระราชทานนามว่า “วัดเฉลิมพระเกียรติ” แล้วโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกำแพงแก้ว และป้อมปราการทั้งสี่มุมดูสง่างดงาม เพราะในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่มาก่อน การก่อสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติฯในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ รัชกาลที่ 4จึงทรงรับภารกิจดำเนินการสร้างจนสำเสร็จเรียบร้อย และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ให้งดงามเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

การเดินทางไปวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
1. รถยนต์ - จากถนนนครอินทร์ ให้ขับรถมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 5 เมื่อวิ่งผ่านสี่แยกบางสีทอง (ถนนบางกรวย-ไทรน้อย) แล้ว ให้ชิดซ้าย เพื่อเข้าสู่ถนนท่าน้ำนนท์-วัดโบสถ์ แล้ววิ่งตรงไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอโรงพยาบาลวัดเฉลิมพระเกียรติทางซ้ายมือ จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าซอยวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร วิ่งไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะพบวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ. นนทบุรี

2. ทางเรือ - นั้งเรือด่วนเจ้าพระยาไปท่าน้ำนนทบุรี และลงเรือหางยาวประจำเส้นทางไปคลองบางใหญ่ ออกจากท่าน้ำนนทบุรีทุก ๆ 20 นาที ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 5 นาที

สำหรับพระวิหารและการเปรียญหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันสำคัญ

3. สวนทิวลิปนนท์
สวนทิวลิปนนท์ ตั้งอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี เป็นต้นมา โดยจะมีช่วงที่ได้จัดแต่งสวนโดยนำดอกทิวลิป สีสันสวยงามและ หลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ World’s Favorite ดอกทิวลิปสีแดงสลับปลายกลีบสีเหลืองสด Orange Queen ดอกทิวลิปสีส้มสดใส Golden Apeldoorn ดอกทิวลิปสีเหลืองอร่ามตา พร้อมชมดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์มาปลูกไว้ในโรงเรือนที่ได้จัดเตรียมไว้มีการ จัดพื้นที่กับซุ้มดอกทิวลิปเล็กๆให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพกับดอกทิวลิป โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในช่วงปลายเดือนม.ค. – ก.พ. ของทุกปี

การเดินทางไปสวนทิวลิปนนท์
"สวนทิวลิปนนท์" ตั้งอยู่ที่ 49/1-2 ถ.แจ้งวัฒนะ ซ.ต้นแทน (แจ้งวัฒนะ 28) ปากเกร็ด นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจาก ถ.วิภาวดี-รังสิต ให้วิ่งเข้า ถ.แจ้งวัฒนะ วิ่งตรงมาจนถึงห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ จุดสังเกตหน้าปากซอยมี 7/11 ให้เลี้ยวเข้ามาในซอยแล้วขับตาม ทางมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางมาที่สวนทิวลิปฯ

4. วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ (เล่งเน่ยยี่ 2)
วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ ตั้งอยู่ที่ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง วัดแห่งนี้เดิมเป็นเพียงโรงเจขนาดเล็ก ต่อมาเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ กรุงเทพฯ ร่วมกับพุทธบริษัทไทย-จีน ได้พัฒนาเป็นวัดที่สมบูรณ์สวยงามในเนื้อที่รวม 12 ไร่ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างถึง 12 ปี จึงแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ ประกอบพิธีสมโภชเปิดวัดบรมราชากาญจนภิเษกอนุสรณ์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 

วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมในยุคหมิง-ชิง โดยจำลองมาจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง มีความสง่างามและมีรายละเอียดการตกแต่งที่ประณีตยิ่ง โดยทางวัดได้เชิญช่างฝีมือชั้นครูจากประเทศจีนมาดำเนินการก่อสร้างโดยตรง วิหารแต่ละหลังประดับด้วยลวดลายภาพเขียนสีพุทธศิลป์แบบจีนใช้สีน้ำเงิน แดงและทองเป็นหลัก ตามผนังและเพดานมีคาถา โอม มา นี ปะ หมี่ ฮง เป็นตัวอักษรสีทอง ที่เชื่อว่าขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ หลังคาวิหารมุงด้วยกระเบื้องเผาแบบจีน สีเหลืองเข้ม ที่ตรงมุมหลังคาทั้ง 4 มุมประดับด้วยรูปสัตว์มงคล ได้แก่ เทวดาขี่หงส์ มังกร สิงโต ม้าน้ำ ม้าเทวดา แพะเทวดาเขาเดียว กระทิงเทวดา ปลาเทวดาและนกเค้าแมว นอกจากนี้ รายรอบพระวิหารยังประดับด้วยหินแกะสลักต่าง ๆ มากมายซึ่งล้วนนำมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเหมาะอย่างยิ่งแก่การศึกษาพุทธศิลป์ของจีน

ภายในวัดประกอบด้วยอาคารหลัก ได้แก่

วิหารท้าวจตุโลกบาล เป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์และเทพต่าง ๆ ที่พิทักษ์ปกปักษ์พระพุทธศาสนา ด้านข้างวิหารเป็นหอกลอง และหอระฆัง

พระอุโบสถ เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง ประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ คือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระอมิตาภพุทธเจ้า และ พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้าซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในอดีต แต่ละองค์ มีความสูงถึง 4.30 เมตร นับเป็นพระประธานแบบจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพุทธลักษณะที่เด่นเป็นสง่า พระพักตร์มีเมตตากรุณา ด้านข้างของพระประธานทั้งสองด้าน เป็นเสาขนาดใหญ่ มีกลอนอักษรจีน ตามผนังประดับด้วยแผ่นไม้สักแกะสลัก 7 ชิ้นเป็นเรื่องราวพระพุทธเจ้าในอดีต พระอรหันต์ และจตุมหาบรรพตหรือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่ง ส่วนด้านนอกของพระอุโบสถมีเสมาเป็นศิลปะแบบจีนอยู่ทั้งสองด้าน

วิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ และวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ เป็นอาคารสองชั้นอยู่ด้านหลังถัดจากพระอุโบสถ ด้านล่างเป็นวิหารอวโลกิเตศวรสหัสกรสหัสเนตรมหาโพธิสัตว์ เมื่อขึ้นบันไดไปด้านบนจะเป็นวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวร และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ ตามผนังวิหารด้านในรายล้อมพระพุทธรูปเล็ก ๆ หนึ่งหมื่นพระองค์ วิหารแห่งนี้เปรียบเสมือนดินแดนสุขาวดี ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกมนุษย์ เชื่อกันว่าผู้ที่บำเพ็ญภาวนา จะได้ไปเกิด ณ ดินแดนสุขาวดีซึ่งมีแต่ความสุข

นอกจากนี้ยังมีอาคารอื่น ๆ อาทิ หอธรรม วิหารบูรพาจารย์ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม

การเดินทางไปวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ (เล่งเน่ยยี่ 2)
จากตัวเมืองนนทบุรี ไปตามถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้าฯ ถึงสี่แยกบางพลู เลี้ยวขวาไปยังอำเภอบางบัวทอง ทางเข้าวัดจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงโรงเรียนเทศบาลวัดละหาร หรือหากเดินทางจากกรุงเทพฯ มาตามถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) กลับรถเลี้ยวเข้าตามเส้นทางไปโรงเรียนพระแม่สกลสงเคราะห์ ผ่านศูนย์เยาวชนเทศบาลไปยังวัดได้เช่นกัน

5. พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์
พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ นี้นับได้ว่าใหญ่ที่สุดในเอเชีย ดำเนินการโดยคุณประเสริฐ ศรียรรยงค์ ผู้ซึ่งได้รับเขาสัตว์เหล่านี้ส่วนใหญ่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ในสมัยที่ล่าสัตว์ยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมประเภทหนึ่ง

ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเขาสัตว์และวัตถุโบราณนับแสนชิ้น โดยแต่ละชิ้นมีอายุตั้งแต่ 100 ปี ถึง 16 ล้านปี โดยที่มีจัดแสดงมากเป็นพิเศษ จะเป็นเขาสัตว์และส่วนกะโหลกซึ่งมีครบทุกชนิด ทั้งสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ แต่เน้นเฉพาะสัตว์ที่อยู่ในประเทศไทย เช่น เขากระทิง เขาวัวแดง เขาวัวกูปรี เป็นต้น ชิ้นที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในบริเวณนี้ คือ งาช้างแมมมอธ ซึ่งมีขนาดยาวถึง 2 เมตร พบในภาคอีสาน และอีกชิ้นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือเขาเนื้อสมัน ซึ่งจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีเขาสวยงามที่สุดในโลก พบบริเวณภาคกลางของไทยเพียงแห่งเดียวในโลกและเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปกว่า 150 ปี ทั้งนี้ ข้าวของแต่ละชิ้นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย

การศึกษาเขาสัตว์เหล่านี้ มีประโยชน์หลายประการ อย่างแรกคือ เขาสัตว์จะช่วยบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่าในอดีตได้ อีกทั้ง เขาสัตว์ที่มีทุกชิ้นได้รับการสืบหาแหล่งที่มาที่อยู่อาศัยดั้งเดิม และโครงสร้างของสัตว์ช่วยให้สามารถจำแนกชนิดของสัตว์ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งทำให้ทราบถึงการดำรงชีวิต การกินอยู่ และอายุขัยของสัตว์หลายชนิดได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์แห่งนี้ เปิดให้บริการในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น. โดยมีค่าเข้าชม สำหรับผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท

การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์เขาสัตว์
1. รถยนต์ - จากเมเจอร์นนทบุรี ให้เลี้ยวขวาไปทางจังหวัดนนทบุรี ขับตรงไปจนถึงแยกติวานนท์ให้ขับตรงไป จนถึงป้ายรถเมย์ที่ 2 จากแยกติวานนท์ครับ

2. รถโดยสารประจำทาง ที่ผ่าน 18, 30, 65 และ 505

6. ถนนสายดอกไม้
ถนนสายดอกไม้ อำเภอบางใหญ่ มีการส่งเสริมการปลูกดอกไม้ประดับ จนทำให้ถนนกาญจนาภิเษก ได้ชื่อว่าเป็น “ถนนสายดอกไม้” เนื่องจากทั้งสองข้างทางมีเหล่าพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด สะพรั่งด้วยสีสันเสมือนหนึ่งเชิญชวนผู้พบเห็น ให้แวะชื่นชมและเลือกซื้อ

การเดินทางถนนสายดอกไม้
มาตามถนนกาญจนาภิเษก อยู่ในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ ตลอดเส้นทาง เรียกว่า “ถนนสายดอกไม้”

7. อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก
อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ กรมธนารักษ์เป็นผู้จัดสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเพื่อเป็นที่พักผ่อนของประชาชน และเป็นศูนย์รวมพันธุ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวน และสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30-18.30 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม

การเดินทางอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก
รถยนต์ เข้าไปตามถนนบางกรวย-ไทรน้อยแล้วเลี้ยวเข้าท่าน้ำนนทบุรี (ฝั่งธนบุรี) จะมีป้ายบอกทางตลอด หากมาจากฝั่งกรุงเทพฯข้ามสะพานพระราม 5 แล้วแยกเข้าถนนบางกรวย–ไทรน้อย หรือข้ามจากสะพานพระนั่งเกล้า ถึงแยกบางพลู เลี้ยวซ้ายผ่านวัดสวนแก้ว ขับไปตามทางมีป้ายบอกทางเช่นกัน

เรือ นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปยังท่าน้ำนนทบุรี แล้วลงเรือหางยาวประจำเส้นทางไป คลองบางใหญ่ ออกจากท่าน้ำนนทบุรีทุก 20 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที

รถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถโดยสารประจำทาง หรือรถสองแถวจากท่าน้ำนนทบุรี (ฝั่งธนบุรี) สายวัดเฉลิมพระเกียรติ

8. ตลาดน้ำไทรน้อย
จังหวัดนนทบุรี มีตลาดน้ำที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน และหนึ่งในตลาดน้ำเหล่านี้ก็คือ “ตลาดน้ำไทรน้อย” ตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองพระพิมลราชา ที่วัดไทรใหญ่ ตำบลขุนศรี อำเภอไทรน้อย เป็นแพอาหาร ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาหารนานาชนิด ทั้งผักปลอดสารพิษ ผลไม้ หลายชนิดและอาหารคาวหวาน ที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายริมฝั่งคลอง เช่น น้ำมะพร้าวหอมหวาน เย็นชื่นใจ, เฉาก๊วย ที่มีทุกแบบ ทั้งเฉาก๊วยโบราณ เฉาก๊วยกำแพงเพชร เฉาก๊วยดอนเมือง , เกาลัดกลิ่นหอม ที่คั่วให้ดูกันแบบสดๆร้อนๆ , เป็ดพะโล้ เจ้าเก่า รสเด็ด ที่เป็นที่เลื่องชื่อ เป็นต้น อาหารเหล่านี้ล่วนแต่มีรสชาติอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัยและราคาไม่แพง สามารถเลือกซื้อเลือกหากันได้ตามใจชอบ พอทานอาหารและซื้อของฝากกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตของชาวนนทบุรี ที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งคลอง โดยยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติและความเป็นไทยอยู่ นอกจากนี้ หากใครชมบริเวณตลาดจนครบแล้ว ในบริเวณตลาดยังมีรถยนต์บริการนำชมสวนเกษตรท่องเที่ยว ชมไม้ดอก ไม้ประดับ เช่น บอนสี กล้วยไม้ หรือชมสวนผลไม้ทางการเกษตร เช่น มะม่วง ทุเรียน ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า สามารถสัมผัสกับธรรมชาติกันได้อย่างแท้จริงเลยทีเดียว

การเดินทางไปตลาดน้ำไทรน้อย
สามารถเดินทางโดยใช้รถตู้โดยสารสายที่มา ไทรน้อย ได้ทุกสาย และมาต่อรถมอเตอร์ไซร์ประมาณ 10 บาท เพื่อไปตลาดน้ำ

9. ตลาดน้ำบางคูเวียง
ตลาดน้ำบางคูเวียง ตั้งอยู่ปากคลองบางคูเวียง ตำบลบางคูเวียง ตลาดจะมีช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.00 - 08.00 น. ชาวบ้านจะนำผลไม้ตามฤดูกาลบรรทุกเรือมาค้าขายกันที่นี่ นอกจากนี้ยังมีอาหารและสินค้าอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทุกเช้าพระภิกษุจากวัดบริเวณใกล้เคียงจะออกบิณฑบาตโดยใช้เรือลำเล็ก ๆ เป็นพาหนะ นับเป็นภาพชีวิตแบบไทยที่นับวันจะหาดูได้ยาก

การเดินทางตลาดน้ำบางคูเวียง
- โดยสารเรือจากท่าน้ำวัดชะลอ อำเภอบางกรวย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 5 บาท ออกทุกๆ 15 นาที ระหว่าง 05.00-20.00 น.

- โดยสารเรือจากท่าน้ำนนทบุรี (ท่าพิบูลสงคราม 2) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 5 บาท กรณีเช่าเรือเหมาลำใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ค่าเช่าประมาณ 300 บาท

- เช่าเรือจากท่าช้าง กรุงเทพฯ ใช้เส้นทางคลองบางกอกน้อย-คลองอ้อมตลาดน้ำ บางคูเวียใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าเช่าเรือประมาณ 300 บาท

10. ตลาดน้ำวัดตะเคียน
ตลาดน้ำวัดตะเคียน จังหวัดนนทบุรีนั้น ในอดีตเต็มไปด้วยคลองเล็กคลองน้อยมากมายให้คนได้สัญจรทางน้ำกันโดยสะดวก แต่ในปัจจุบัน คลองจำนวนมากถูกถม ทำเป็นถนนหนทางไปจนเกือบหมดแล้ว คงเหลืออยู่ไม่มากนัก และหนึ่งในคลองที่ยังคงเหลือและคงความคึกคักมาถึงปัจจุบันก็คือ คลองบริเวณวังตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย

ตลาดน้ำวัดตะเคียนแห่งนี้ถูกเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2552 โดยหลวงปู่แย้ม ได้มาทำพิธีเปิดพร้อมได้พรมน้ำมนต์ให้กับพ่อค้า แม่ค้า ที่เตรียมตัวมาพายเรือค้าขาย ด้วยแนวคิดที่ต้องการพลิกฟื้นวิถีชีวิตของคนในอดีตให้กับคนรุ่นใหม่ได้สัมผัส และ ท่านต้องการที่จะใช้พื้นที่บริเวณลำคลองแห่งนี้ให้เป็นประโยชน์กับชาวบ้านให้สามารถทำมาหากินได้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ การทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการตอบแทนให้กับชาวบ้านเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพราะวัดแห่งนี้อยู่มาได้ก็เนื่องจากชาวบ้านในละแวกนี้ ที่มาทำบุญ บริจาคทาน อยู่เป็นประจำ

ภายในตลาดน้ำ มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อหารับประทานบนฝั่ง ตั้งแต่ผัก ผลไม้ มะพร้าวเผา ลูกชุบ ขนมไทย เป็นต้น ส่วนที่พายมาขายก็มีเช่นกัน เช่น เรือผลไม้ตามฤดูกาล เป็ดพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวเรือ เครื่องดื่มน้ำสมุนไพร หลังจากทานอาหารกันอิ่มเรียบร้อยแล้ว ในตลาดน้ำก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำกันอีกหลายอย่าง เช่น การถีบจักรยานน้ำ , การล่องเรือชมทัศนียภาพสองฝั่งคลองบางคูเวียง และ คลองบางราวนก ชมวิถีชิวิตของชาวบ้านริมคลองที่ยังรักษาบ้านเรือนไทยโบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ และร่องรอยอารยธรรม ศิลปกรรม

การเดินทางไปตลาดน้ำวัดตะเคียน
สามารถเดินทางได้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว เริ่มต้นจากแยกแคราย จ.นนทบุรี วิ่งตรงไปข้ามสะพานพระราม 5 จากนั้นวิ่งตรงไปตาม ถ.นครอินทร์ ถึง ถ.กาญจนาภิเษก ให้กลับรถใต้สะพานก่อนข้ามแยก แล้วมุ่งหน้าย้อนกลับมาทางเดิมประมาณ 1 ก.ม. จะเห็นสะพานลอยให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปช่องคู่ขนาน และเลี้ยวซ้ายเข้าไปตรงป้าย "วัดตะเคียน" แต่ถ้าหากมาจากบางใหญ่ เมื่อถึงแยกที่จะเลี้ยวซ้ายไปสะพานพระราม 5 ให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งตรงไปประมาณ 1 ก.ม. ก็จะเจอสะพานลอยและทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ จากนั้นวิ่งไปตามถนนประมาณ 1 ก.ม. ก็จะเจอวัดข้างหน้า ให้ข้ามสะพานเข้าไปจอดในลานวัดได้เลย ทั้งนี้ ตลาดน้ำแห่งนี้จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น